การเติบโต ใน รถไฟฟ้า: อย่างไร EV จะ มาถึง สำหรับ อุตสาหกรรม ยานพาหนะ

อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยมีฐานการผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากการส่งออกเท่านั้น รวมถึงยังส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างงาน และขยายธุรกิจในหลายสาขา เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็ก พลาสติก และอิเล็กทรอนิกส์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มของยานยนต์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม สู่ยานยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และประหยัดพลังงาน ประเทศไทยได้สนับสนุนนโยบาย “EV 30@30” ที่มีเป้าหมายให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนการผลิตอย่างน้อย 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573 เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำและสร้างอุตสาหกรรมสีเขียวที่ยั่งยืน

หลายค่ายรถยนต์ชั้นนำระดับโลกได้เข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ในไทย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ เทสลา และ BYD ผู้ผลิตเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จ ระบบจัดการพลังงาน และการพัฒนาทักษะบุคลากร นับเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเอเชีย

ในด้านผู้บริโภคเอง พฤติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยก็เริ่มเปลี่ยนไปตามกระแสโลก ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับรถยนต์ที่มีฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น ระบบช่วยขับ ระบบเบรกฉุกเฉิน และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและต้นทุนระยะยาวก็ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีความท้าทายมากมาย เช่น ต้นทุนการผลิตสูง ราคาสินค้าแปรผัน และการตามเทคโนโลยีใหม่ไม่ทัน การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เข้มข้นก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม ด้วยความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน ความชำนาญของแรงงาน และการสนับสนุนจากภาครัฐ ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและนวัตกรรม ราคาติดฟิล์มกระจกบ้าน ในภูมิภาค

อนาคตยานยนต์จะผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI, IoT และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ยานยนต์จะเป็นมากกว่าการเดินทาง แต่จะกลายเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อชีวิตกับโลกดิจิทัล ส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต